Interview In Dogs and Pets Magazine (August 2000)

ROTTWEIL HOUSE แบบฉบับของบรีดเดอร์ เพื่อสุนัขคุณภาพ

อะไรก็ตามที่มีคุณภาพย่อมสามารถยืนหยัดอยู่ได้ตลอดไป เพราะมีตัวอย่างให้เห็นกันอยู่เสมอมา ฉบับนี้ สุนัขและสัดว์เลี้ยง ขอนำท่านไปพบกันคุณภาสกร อังศุสิงห์ ผู้เป็นแบบอย่างให้กับผู้ที่ตั้งใจจะเป็นบรีดเดอร์ ที่มีคุณภาพอย่างแท้จริง ท่านมีเป้าหมายอยากจะวางรากฐานให้กับบรีดเดอร์บ้านเราให้พัฒนาสายพันธุ์ร็อตไวเล่อร์ตามแนวทางที่ต่างประเทศเขาทำกัน

จากที่ได้โทรนัดหมาย ทีมงานของเราก็เดินทางไปยังถ.สุวินทวงศ์ บางท่านอาจไม่คุ้นกับชื่อถนนนี้ แต่ถ้าบอกว่าเป็นถนนที่จากแยกมีนบุรีนำเราไปสู่จังหวดฉะเชิงเทรา ก็คงจะร้องอ๋อทันที

 เรามุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านฟลอร่าวิลล์ หมู่บ้านนี้จะเลยหมู่บ้านปรีชาไปเล็กน้อยระยะทางจากมีนบุรีจะอยู่ราย 5-6 กิโลเมตร เมื่อขับผ่านหมู่บ้านไปให้เตรียมชิดขวาเพื่อจะกลับรถไปยังหมู่บ้านนี้ หมู่บ้านฟลอร่าวิลล์เป็นหมู่บ้านที่สวยงามและใหญ่มาก พอเข้าไปในหมู่บ้านก็ขับรถตรงไปราว 1 กม. ก็จะเจอป้อมยามให้สอบถามเจ้าหน้าที่ว่าบ้านเลขที่ 92/37 ซอยฟลอร่าลิลลี่ 1 อยู่ไหน ก็จะได้รับคำแนะนำให้ไปยังที่จุดหมายได้ไม่ยาก หรือถ้ายังไม่พบอีก ก็เห็นจะต้องโทรถามโดยใช้เบอร์ 9566111 หรือ 01-6400360 แล้วละครับ

เมื่อเห็นบ้านครั้งแรกก็เกิดความประทับใจอย่างมาก เนื่องจากการตกแต่งตั้งแต่ประตูบ้าน ทางเดิน สวนหย่อมตลอดจนที่พักและคอกสุนัข ได้ตกแต่งอย่างมีรสนิยม แม้เนื้อที่จะไม่มาก แต่สามารถทำให้เกิดประโยชน์ใช้สอยอย่างเต็มที่ ทุกอย่างภายในบ้านจะดูดีไปหมด ทำให้บรรยากาศอบอุ่น ใครที่เคยไปอยู่ต่างประเทศก็จะเห็นรูปแบบเหมือนเมืองนอกอย่างไงก็อย่างงั้น แต่พอทราบว่าท่านมีกลุ่มเพื่อนๆ ที่ตั้งบริษัทก่อสร้างและตกแต่งภายในก็เลยหายสงสัย เอาละครับ ขอให้เราเข้าเรื่องเสียที โดยให้คุณภาสกร ช่วยเล่าความเป็นมาของการเลี้ยงสุนัขพันธุ์ร็อตไวเล่อร์ว่ามีเป้าหมายอย่างไร และตั้งใจจะทำอะไรเกี่ยวกับการเพาะพันธุ์สุนัขพันธุ์นี้ เชิญติดตามเรามาเลยครับ

 

 

สมัยก่อนผมไม่ได้เลี้ยงสุนัขพันธุ์ร็อตไวเล่อร์ แต่เลี้ยงสุนัขพันธุ์ทางทั่วไป เลี้ยงเยอะครัง 10-15 ตัวที่บ้านเก่า จริงๆ แล้วตอนแรกก็ไม่เคยชอบร็อตไวเล่อร์ด้วยซ้ำ แต่พอย้ายบ้านมาอยู่ที่นี่ ซึ่งเป็นที่เปลี่ยวก็อยากได้สุนัขอารักขาที่ หนึ่งปกป้องบ้านได้ สองไม่น่ารำคาญมากนัก เพราะสมัยก่อนมีสุนัขบางที่แขกไปใครมา เห่ากันระงม แม้แขกกลับไปถึงหน้าปากซอยแล้วก็ยังเห่าไม่เลิก เป็นเรื่องที่น่ารำคาญ แล้วก็เป็นการรบกวนเพื่อนบ้าน ก็เลยตั้งใจว่าอยากได้สุนัขพันธุ์อารักขา คือดูแล้ว ต้องดูน่าเกรงขามหน้ากลัว สองต้องเป็นสุนัขที่สงบ ไม่วุ่นวาย ไม่เห่าแบบไม่มีเหตุผล ก็จากสองจุดนี้ผมได้ไปตระเวนดู ช่วงแรกก็จะมีเยอรมันเช็พเพอด มีร็อตไวเล่อร์ มีโดเบอร์แมน ดูไปดูมาก็ถูกใจร็อตไวเล่อร์ มากที่สุด ทั้งในเรื่องของการเลี้ยงดูเขา เขาเป็นสุนัขพันธุ์ขนสั้น เลี้ยงดูง่าย บางทีอาบน้ำอาบท่าเสร็จปล่อยให้วิ่งเดี๋ยวเดียวขนก็แห้ง ดูและง่าย ถ้าเยอรมันเช็พเพอรดขนจะยาวต้องคอยสางขน แล้วก็เรื่องการเห่านี่เขานิ่งมาก ร็อตไวเล่อร์จะเงียบ จะไม่ค่อยวุ่นวาย จะไม่ค่อยเห่ามาก เป็นจุดเริ่มต้นที่ผมชอบนิดๆ ก็เลยไปหาซื้อมาเลี้ยง เลี้ยงไปเลี้ยงมาก็เริ่มศึกษา คือเป็นคนที่จะทำอะไรก็จะเริ่มศึกษาก่อนให้รู้ จริงๆ จังๆ หรือมากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ ก็เริ่มศึกษาสายพันธุ์เขา ประวัติอะไรต่างๆ ดูไปดูมาก็เริ่มอินมากขึ้น และมีความรู้สึกชอบมากขึ้น และบังเอิญเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งเขาทำอยู่ ได้เจอเขา เขาก็เลยชวนไปงานประกวด ผมก็ลองพาหมาไปประกวด พอไปก็ได้รางวัลมาบ้าง ที่หนึ่งบ้างที่สองบ้าง ผมก็เลยสนุก ก็เลยหันมาทำด้านนี้จริงจังมากขึ้น นี่ก็คือจุดเริ่มต้นของการเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้

ทีมงานได้ถามว่า เพื่อจะเป็นบรีดเดอร์ในแนวทางที่ถูกต้องเราควรจะต้องทำอย่างไรหรือตั้งเป้าหมายไว้อย่างไร ก็ได้รับคำตอบว่า เราต้องเข้าใจความหมายของคำว่าบรีดเดอร์เสียก่อนว่าคำว่าบรีดเดอร์คืออะไร จริงๆ แล้ว บรีดเดอร์คือผู้พัฒนาสายพันธุ์ การพัฒนาสายพันธุ์ที่ถูกต้องคือทำอยังไงก็ตามให้สุนัขที่เติบโตขึ้นมา มีความถูกต้องตามสายพันธุ์นี้ที่เขากำหนดมากที่สุด จะไม่เน้นตามแฟชั่นเป็นหลัก คือ ต้องสายพันธุ์ก่อนแล้วก็ให้มีความสวยงาม ถูกต้องเหมือนกับรุ่นพ่อรุ่นแม่ที่เขาสวยๆ หรือต้องดีกว่า ยกตัวอย่างง่ายๆ อย่างในเยอรมัน

บรีดเดอร์หลายรายที่เขามีชื่อเสียง พวกนี้เขาไม่ได้ทำเป็นธุรกิจ ตามที่ผมเห็น เขาจะมีสุนัขที่อยู่สังกัดเขาไม่เยอะ ประมาณ 8-10 ตัวแล้วก็จะเน้นการพัฒนาลูกหลานให้เติบโตขึ้นมา เข้าประกวดในงานต่างๆ สามารถเป็นพ่อพันธุ์ได้ในอนาคต เป็นแม่พันธุ์ในอนาคตได้ เยอรมันเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับหลายๆ ประเทศ เขาไม่จำเป็นต้องสั่งสุนัขที่เป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์เลย เพราะอะไร เพราะเขามีความสามารถและมีประสบการณ์ความชำนาญที่พัฒนาแล้วให้ลูกหลานของเขาที่เติบโตขึ้นมาดีเท่าเดิมหรือต้องดีกว่า ในขณะที่ประเทศอื่น อย่าว่าแต่เมืองไทยหรือเอเซีย อเมริกาเองก็ยังต้องสั่งเข้าจากเยอรมันเลย เพราะว่าประสบการณ์ในการทำตรงนี้ทำไม่ได้ถึงขั้น นี่คือจุดหนึ่งที่ผมคิดว่าเราอยากจะทำ เราอยากจะเป็นลักษณะแบบนั้น คือเราไม่ต้องการเน้นเรื่องการขายลูกสุนัขเพื่อได้รายได้จากตรงนั้น ไอ้ตรงนั้นมันเป็นส่วนเสริมมากกว่าที่ได้กลับมา สิ่งที่เราต้องการ เราอยากจะเห็นสุนัขเมืองไทยเติบโตขึ้นมา มีความสวยสดงดงามเหมือนกับสุนัขนำเข้า อีกหน่อยอาจจะต้องเร็วมาก 10 ปีข้างหน้า ถ้าเราทำได้ ถึงวันนั้นจริงๆ เราสามารถส่งออกไปด้วยซ้ำ ไม่จำเป็นต้องสั่งเข้ามาเลย แล้วก็พูดถึงคุณภาพคนไทยหรืออะไร ก็จะเป็นที่ยอมรับของเมืองนอก ไม่อย่างนั้นจะสังเกตุเห็นตามงานประกวดต้องเป็นชื่อแปลกๆ ทั้งนั้นเลย ชื่อไทยๆ จะไม่ค่อยมีเป็นสุนัขนำเข้าทั้งนั้น ก็เลยกลายเป็นว่าใครมีเงินก็ ไปซื้อเข้ามา เมื่อสุนัขมีตำแหน่งอยู่แล้วเข้ามายังไงก็ต้องชนะเขา.....

NEXT PAGE

BACK

Home | Male | Female | Puppy | Import Puppy | Kennel | Gallery | Contest | Contact Us